ตลาด
ตลาด หมายถึง สถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่มีการจัดจำหน่ายสินค้า เป็นสถานที่ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายมาติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน
ตลาดในเชิงเศรษฐศาสตร์ หมายถึง
การที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถติดต่อตกลงซื้อขายกันได้ ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายอาจจะมีโอกาสได้พบกันหรืออาจจะไม่ได้พบกันก็ได้
แต่การตกลงซื้อขายสินค้าและบริการรวมทั้งปัจจัยการผลิตสามารถเกิดขึ้นได้
ตลาดจึงอาจมีขอบเขตได้ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศหรือระดับโลก
โดยปกติมักเรียกตลาดตามชนิดของสินค้าและบริการที่มีการตกลงซื้อขายกัน
ซึ่งตลาดมีบทบาทสำคัญ ดังนี้
1. จัดหาสินค้าและบริการ คือ การจัดหาสินค้าและบริการ
เพื่อเสนอขายให้กับผู้บริโภค
2. เก็บรักษาสินค้า คือ การเก็บรักษาสินค้าเพื่อรอไว้จำหน่ายให้กับผู้บริโภค
โดยมีเหตุผล 2 ประการ คือ ประการแรก เก็บรักษาไว้เพื่อรอเวลาในการจำหน่ายให้ได้ราคาดี
ส่วนประการที่สอง เก็บรักษาไว้เพื่อให้คุณภาพเหมาะสมแก่การบริโภค
3. การขายสินค้าและบริการ
4. กำหนดมาตรฐานสินค้า คือ การคัดแยกคุณภาพ คุณสมบัติ รูปแบบ
และสินค้าชนิดเดียวกันไว้ด้วยกัน เพื่อเตรียมจัดจำหน่ายแก่ผู้ซื้ออย่างสะดวกสบายขึ้น
5. ขนส่งสินค้าและบริการ
6. ป้องกันการเสี่ยงภัยเกี่ยวกับสินค้า
7. หน้าที่ทางการเงิน
ตลาดแบ่งประเภทตามวัตถุประสงค์ในการใช้สินค้า คือ
1. ตลาดสินค้าผู้ผลิต คือ การติดต่อตกลงซื้อขายสินค้าและบริการทุกชนิด
ซึ่งผู้ซื้อมิได้นำไปใช้บำบัดความต้องการของตนเองโดยตรง
แต่จะนำไปใช้ในการผลิตสินค้าและบริการอีกทอดหนึ่ง
2. ตลาดสินค้าผู้บริโภค คือ การติดต่อตกลงซื้อขายสินค้าและบริการทุกชนิด
ซึ่งผู้ซื้อนำไปบำบัดความต้องการของตนเอง
ตลาดที่แบ่งประเภทตามลักษณะของสินค้า
คือ
1. ตลาดสินค้าเกษตรกรรม
2. ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม
3. ตลาดบริการ
ตลาดแบ่งตามลักษณะของการแข่งขัน
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ หมายถึง ตลาดที่มีการดำเนินการภายใต้กลไกราคา
มีการแข่งขันอย่างเต็มที่ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
เป็นตลาดที่มีผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าจำนวนมาก
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
หมายถึง
ตลาดที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามลักษณะโดยผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคาหรือปริมาณของสินค้า
ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจทางการตลาดที่ตนมีอยู่
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์สามารถแบ่งออกเป็นลักษณะต่างๆ ดังนี้
1) ตลาดผูกขาด
เป็นตลาดที่มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวเท่านั้น และไม่สามารถหาสินค้าอื่นมาทดแทนได้อีก
ทั้งการแข่งขันในอุตสาหกรรมเป็นไปได้ยาก เช่น การผลิตยาสูบของโรงงานยาสูบ
สลากกินแบ่ง เป็นต้น
2) ตลาดผู้ขายมากรายและผู้ขายน้อยราย เป็นตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ที่อยู่ระหว่างตลาด แข่งขันสมบูรณ์และตลาดผูกขาด
โดยตลาดผู้ขายมากรายจะค่อนไปทางตลาดแข่งขันสมบูรณ์
ส่วนตลาดผู้ขายน้อยรายจะค่อนไปทางตลาดผูกขาด
หน้าที่ของตลาดในเชิงเศรษฐศาสตร์
หน้าที่ของตลาดทางเศรษฐศาสตร์
นอกจากจะทำหน้าที่สร้างสรรค์ความต้องการที่จะบริโภคสินค้าให้เกิดขึ้นโดยการปรุงแต่งหรือโฆษณาสินค้าแล้ว
ในปัจจุบันได้ขยายขอบเขตออกไปมากขึ้น โดยได้ทำหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. จัดหาสินค้า (Assembling) นักการตลาดจะต้องพิจารณาลำดับความจำเป็นของสินค้าที่มีต่อการบริโภคและประมาณความต้องการของผู้บริโภค
แล้วจัดหาสินค้าหรือบริการมาบำบัดความต้องการในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป
เพราะจะทำให้มีผลกระทบกระเทือนเรื่องราคาและต้นทุนที่ลงไว้ในตัวสินค้า
2. การเก็บรักษาสินค้า (Storage) สินค้าที่ผลิตขึ้นมามิได้หมายความว่าจะต้องจำหน่ายให้หมดในครั้งเดียว
หากแต่ว่าจะมีการเก็บรักษาสินค้าไว้บางส่วน เพื่อให้มีคุณภาพคงอยู่ได้นานมากขึ้น
หรือเพื่อการเก็งกำไรและค่อยๆ นำสินค้าออกไปจำหน่ายเพื่อช่วยรักษาระดับราคาให้มั่นคง
หน้าที่ดังกล่าวนี้เป็นการสร้างอรรถประโยชน์เวลาเพื่อให้สินค้าสามารถสนองความต้องการผู้บริโภคได้ยาวนานมากขึ้น
3. การขายสินค้า (Selling) เป็นการเพิ่มความต้องการให้กับผู้บริโภค
โดยใช้กลยุทธ์ของการเสริมสร้างความประทับใจ ( Ensure Satisfaction ) โดยวิธีกำหนดกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย ( Target group) เรียนรู้เกี่ยวกับจิตใจของลูกค้าแต่ละบุคคล แต่ละกลุ่มเป้าหมาย
แล้วดำเนินงานทางด้านการส่งเสริมการขายอย่างฉลาด
เลือกสรรพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพ
ทำการติดต่อกับลูกค้าอย่างมีระเบียบแบบแผนของงานขายที่ดี
4. การกำหนดมาตรฐานของสินค้า (Standardization) เหมาะสำหรับผลผลิตทางด้านการเกษตร เป็นการกำหนดคุณภาพและราคาสินค้า
ทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย
มีความมั่นใจว่าจะได้สินค้าตรงตามเป้าหมายในการบริโภค
ทำให้ตลาดขยายขอบเขตออกไป
5. การเงิน (Financing) เนื่องจากเงินทุนเป็นปัจจัยการผลิตที่ผู้ประกอบการจะต้องแสวงหามาและใช้ไปให้เกิดประสิทธิภาพ
ทั้งในด้านการผลิตและจำหน่ายสินค้า
โดยจะต้องรักษาระดับเงินทุนหมุนเวียนให้ธุรกิจมีสภาพคล่องเพียงพอ เพื่อจะสามารถขยายตลาดได้กว้างขวาง
มีการผลิตเพิ่มขึ้น และเกิดการจ้างงานมากขึ้น
6. การเสี่ยงภัย (Risk) การประกอบธุรกิจย่อมจะประสบความเสี่ยงภัยชนิดต่างๆ
ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การเกิดอัคคีภัย
การเกิดวาตภัย
การโจรกรรมสินค้า
การเกิดหนี้สูญ
หรือการสูญเสียผู้บริหารระดับสูง เป็นต้น
ความเสี่ยงภัยเหล่านี้สามารถที่จะโอนภาระความเสี่ยงภัยไปให้กับบริษัทประกันภัยได้
เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยต่างๆ
7. การขนส่ง (Transportation)
เป็นรากฐานสำคัญของการตลาด
ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า
หรือบริการจากแหล่งผลิตไปสู่แหล่งผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย
ทำให้มีสินค้าไปถึงตลาดได้ตามกำหนดเวลาทันกับความต้องการสินค้า
ข้อมูลจาก:http://www.maceducation.com/e-knowledge/2503105100/03.htm